Engineering1986 > สาระความรู้ > บริการซ่อม/เปลี่ยน หม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator radiator)

หม้อน้ำเปรียบเสมือนหัวใจของระบบระบายความร้อนของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หน้าที่หลักคือการรักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ร้อนจัดจนเกินไป (Overheating) โดยน้ำยาหล่อเย็นจะไหลเวียนผ่านหม้อน้ำเพื่อดึงความร้อนออกจากเครื่องยนต์ จากนั้นความร้อนจะถูกระบายออกสู่ภายนอกด้วยพัดลม หากหม้อน้ำอุดตัน รั่วซึม หรือไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การระบายความร้อนจะทำได้ไม่เต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่อาการเครื่องยนต์ร้อนจัดและอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าหม้อน้ำ (Generator radiator) กำลังมีปัญหา

การสังเกตความผิดปกติของหม้อน้ำแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ลองสังเกตสัญญาณเหล่านี้ หากพบว่ามีอาการใดอาการหนึ่ง ควรรีบติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Engineering 1986 ทันที

  • อุณหภูมิเครื่องยนต์สูงผิดปกติ

นี่คือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด เมื่อหม้อน้ำทำงานได้ไม่เต็มที่หรือมีสิ่งอุดตัน การระบายความร้อนจะทำได้ไม่ดีพอ ทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์สูงขึ้นจนถึงขั้น Overheating ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อเครื่องยนต์

  • พบน้ำหล่อเย็นรั่วใต้ตัวเครื่อง

การรั่วไหลของน้ำหล่อเย็นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายจุดของระบบ เช่น ปะเก็นชำรุด, ท่อยางเสื่อมสภาพ หรือที่ตัวหม้อน้ำเอง การรั่วซึมทำให้น้ำหล่อเย็นลดลงและทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มที่

  • มีเสียงผิดปกติจากพัดลมระบายความร้อน

เสียงที่ผิดปกติ เช่น เสียงดัง, เสียงสั่น หรือเสียงหอน อาจเกิดจากพัดลมชำรุด, ลูกปืนแตก หรือใบพัดที่หลวม ซึ่งจะส่งผลให้การระบายความร้อนจากหม้อน้ำไม่มีประสิทธิภาพ

  • มีคราบสนิมหรือสิ่งสกปรกปะปนในน้ำยาหล่อเย็น

คราบสนิมและสิ่งสกปรก เช่น ตะกรันหรือคราบน้ำยาหล่อเย็นเก่าที่เสื่อมสภาพ จะไปเกาะติดภายในหม้อน้ำและท่อน้ำ ทำให้การไหลเวียนของน้ำยาหล่อเย็นไม่สะดวกและประสิทธิภาพในการระบายความร้อนลดลงอย่างมาก

  • แรงดันในระบบหล่อเย็นผิดปกติ

หากแรงดันผิดปกติ เช่น แรงดันตก อาจเกิดจากการรั่วซึม หรือหากแรงดันสูงเกินไป อาจเกิดจากการอุดตันหรือวาล์วในฝาหม้อน้ำทำงานผิดปกติ

  • เครื่องกำเนิดไฟฟ้าถูกสั่งดับ เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน

อาการเครื่องดับเองเมื่อใช้งานเป็นเวลานานมักเกิดจาก อุณหภูมิเครื่องยนต์สูงเกินไป จนระบบป้องกันของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัดการทำงานอัตโนมัติ (Overheating Shutdown) เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เสียหาย ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้อุณหภูมิสูงเกินไปก็คือปัญหาในระบบระบายความร้อนหรือหม้อน้ำนั่นเอง

  • อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นขาเข้าเครื่องยนต์สูงผิดปกติ

ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือตรวจสอบอุณหภูมิเฉพาะจุด เช่น กล้องถ่ายภาพความร้อนคุณภาพสูง (Thermal scan)  ตรวจสอบอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขาเข้าเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำหล่อเย็นที่ถูกหมุนเวียนผ่านระบบทำความเย็นของหม้อน้ำ เพื่อไปทำความเย็นแก่เครื่องยนต์ หากน้ำหล่อเย็นไม่เย็นลงเท่าที่ควร เป็นสัญญาณที่ชัดเจนกว่าประสิทธิภาพของหม้อน้ำลดลง

หากคุณมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและพบปัญหาเกี่ยวกับการระบายความร้อน อย่าปล่อยไว้จนสายเกินไป บริการซ่อมและเปลี่ยนหม้อน้ำ Generator โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Engineering 1986 จะช่วยให้เครื่องของคุณกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานในระยะยาว

องค์ประกอบสำคัญของหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของอาการ

เพื่อหาสาเหตุของอาการเครื่องยนต์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าร้อน หากพบว่าปัญหามาจากระบบระบายความร้อน ควรมีการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกองค์ประกอบ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และไม่ทำให้งบประมาณในการซ่อมบานปลาย โดยผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบและทดสอบตามจุดสำคัญเพื่อหาสาเหตุของปัญหาดังนี้

  1. น้ำหล่อเย็น (Coolant)

เป็นส่วนสำคัญและเป็นอย่างแรกที่ควรตรวจสอบเป็นประจำเพราะจะบ่งบอกถึงสัญญาณเตือนว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์กำลังมีปัญหาได้หลายอย่าง เพราะมีหน้าที่ดูดซับความร้อนจากเครื่องยนต์และนำพาไปที่หม้อน้ำเพื่อระบายออก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน รวมถึงป้องกันน้ำเป็นน้ำแข็งในสภาพอากาศหนาวจัด โดยสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ดังนี้

  • การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น : เมื่อเครื่องยนต์เย็น ระดับน้ำควรอยู่ระหว่างขีด “Min” และ “Max” ในถังพักน้ำ หรือหากเป็นรุ่นที่ไม่มีบอกระดับ Max-Min น้ำหล่อเย็นควรเต็มถึงระดับปากหม้อน้ำอยู่เสมอ โดยทั่วไปแล้ว ระบบหล่อเย็นเป็นระบบปิด (Closed System) ที่ทำงานภายใต้แรงดัน การที่ระดับน้ำหล่อเย็นลดลงมักจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาบางอย่าง

การตรวจสอบสภาพสีน้ำหล่อเย็น น้ำควรมีสีออกใสและมีสีสม่ำเสมอ ตามแต่ละยี่ห้อทำสีมา โดยทั่วไปผลิตภัณฑ์จะมีสีสดใส เพื่อให้สังเกตสภาพน้ำได้ง่าย หากมีสีขุ่น, เป็นสนิม, หรือมีคราบน้ำมันลอยอยู่ แสดงว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ

  1. ฝาหม้อน้ำ (Radiator Cap)

มีหน้าที่ปิดผนึกระบบหล่อเย็นและควบคุมแรงดันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มจุดเดือดของน้ำยาหล่อเย็นและป้องกันการเดือด โดยสามารถตรวจสอบตามสภาพภายนอกดังนี้

  • ตรวจสอบซีลยาง ที่ฝาว่าแตกหรือชำรุดหรือไม่
  • ลองกดสปริงดู ควรมีความแน่นและไม่ติดขัด หากฝาชำรุด ระบบจะสูญเสียแรงดันและอาจทำให้เครื่องร้อนจัด
  1. แผงระบายความร้อนหม้อน้ำ (Radiator Core/ Radiator Fins)

เป็นส่วนหลักของหม้อน้ำที่น้ำหล่อเย็นไหลผ่านท่อต่างๆ และมีแผงครีบโลหะบางๆ ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวในการระบายความร้อนสู่อากาศ

  • ตรวจสอบการอุดตัน โดยการตรวจด้วยสายตาว่ามีฝุ่น แมลง หรือเศษขยะอุดตันแผงครีบหรือไม่
  • ตรวจสอบการชำรุด ว่าครีบมีรอยงอหรือหักหรือไม่ รวมถึงรอยรั่วซึมหรือการผุกร่อน
  1. ถังบนและถังล่างของหม้อน้ำ (Top & Bottom Tank)

เป็นถังด้านบนรับน้ำหล่อเย็นร้อนจากเครื่องยนต์และถังด้านล่างรวบรวมน้ำที่เย็นลงแล้วก่อนจะส่งกลับไปยังเครื่องยนต์

  • ตรวจสอบรอยแตก/รอยรั่ว ตรวจสอบถังและรอยต่อต่างๆ ว่ามีรอยแตกหรือรอยรั่ว
  1. พัดลมระบายความร้อน (Radiator Fan)

ทำหน้าที่ดูดอากาศให้ไหลผ่านแผงหม้อน้ำเพื่อช่วยระบายความร้อน โดยเฉพาะขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน

สังเกตว่าพัดลมทำงานเมื่ออุณหภูมิเครื่องยนต์ถึงจุดที่กำหนดหรือไม่ หากไม่ทำงานอาจเกิดจากมอเตอร์หรือสายไฟมีปัญหา

เสียงผิดปกติ หากมีเสียงดังผิดปกติหรือเสียงสั่น อาจเป็นสัญญาณว่าใบพัดหักหรือลูกปืนเสีย

  1. สายพานพัดลม (Radiator Fan Belt)

ทำหน้าที่ ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปขับเคลื่อนปั๊มน้ำและพัดลม (ในระบบที่ใช้สายพาน) ให้หมุน วิธีตรวจสอบ:

  • ความตึง สายพานควรมีความตึงที่เหมาะสม หากหย่อนเกินไปจะทำให้พัดลมหมุนได้ไม่เต็มที่
  • สภาพ ตรวจสอบรอยแตกลายงา, รอยฉีกขาด, หรือการสึกหรอของสายพาน
  1. ปั๊มน้ำ (Water Pump/ Radiator Pump)

เป็นอุปกรณ์หมุนเวียนน้ำหล่อเย็นไปทั่วทั้งเครื่องยนต์และหม้อน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงความร้อนออกจากเครื่องยนต์ โดยวิธีตรวจสอบคือ

  • รอยรั่ว มองหาน้ำหล่อเย็นรั่วซึมหรือคราบน้ำยาหล่อเย็นบริเวณซีลปั๊ม
  • เสียงดัง หากมีเสียงหอนหรือเสียงครืดคราด อาจเป็นสัญญาณว่าลูกปืนในปั๊มเริ่มเสื่อมสภาพ
  1. ท่อน้ำเข้า-ออกของน้ำหล่อเย็น (Inlet/Outlet Hose)

เป็นท่อทางเดินของน้ำหล่อเย็นที่เชื่อมระหว่างเครื่องยนต์กับหม้อน้ำ ท่อเข้าจะนำน้ำร้อนไปที่หม้อน้ำ ส่วนท่อออกจะนำน้ำเย็นกลับไปที่เครื่องยนต์ โดยวิธีตรวจสอบคือ

  • ตรวจสอบสภาพท่อ โดยการบีบท่อยางเมื่อเครื่องยนต์เย็น ควรจะรู้สึกแข็งแต่ยังยืดหยุ่นได้ หากนิ่มเกินไป, แข็งเป็นหิน, หรือบวม ควรเปลี่ยนใหม่ ตรวจสอบรอยแตกหรือรอยรั่วด้วย
  1. เทอร์โมสตัท (Thermostat)

ทำหน้าที่เป็นวาล์วที่ควบคุมการไหลของน้ำหล่อเย็น เมื่อเครื่องยนต์เย็นวาล์วจะปิดเพื่อช่วยให้เครื่องอุ่นเร็วขึ้น และจะเปิดเมื่อถึงอุณหภูมิการทำงานที่เหมาะสม วิธีตรวจสอบ

  • สังเกตอาการเครื่องยนต์ร้อนช้าหรือเร็วเกินไป ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าเทอร์โมสตัทเปิดหรือปิดไม่ปกติ อาการเครื่องร้อนจัดโดยไม่มีรอยรั่วอาจเป็นสัญญาณของเทอร์โมสตัทที่ติดค้างอยู่

บริการซ่อมและเปลี่ยนหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Caterpillar , Cummins , Perkins , Mitsubishi Generator radiator

เมื่อพบปัญหาดังกล่าว การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนหม้อน้ำโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นทางออกที่ดีที่สุด บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจเช็กสภาพ, การทำความสะอาด, การซ่อมแซมจุดรั่วซึม ไปจนถึงการเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ทั้งชุด ในกรณีที่เสียหายรุนแรงและการซ่อมอาจไม่คุ้มค่าและยังมีความเสี่ยงที่จะเสียหายบานปลาย การเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดบางทีจึงมีความคุ้มค่ามากกว่าการซ่อม

  • ตรวจเช็กและวินิจฉัยปัญหา: ช่างจะทำการตรวจเช็กอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา
  • ทำความสะอาดระบบหม้อน้ำ: การล้างหม้อน้ำเพื่อกำจัดคราบตะกรันและสนิมจะช่วยคืนประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้กลับมาดีดังเดิม
  • ซ่อมแซมและอุดรอยรั่ว: สำหรับหม้อน้ำที่มีรอยรั่วขนาดเล็ก สามารถซ่อมแซมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
  • เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่: ในกรณีที่หม้อน้ำเสียหายหนักหรือไม่คุ้มค่าที่จะซ่อม การเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่จะช่วยให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน

ตัวอย่างผลงานของบริษัทงานเปลี่ยนหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Caterpillar Generator radiator

ตัวอย่างผลงานของบริษัทงานเปลี่ยนหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า Cummins Generator radiator

ปัญหาเครื่องปั่นไฟ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามีความร้อนสูง อาจไม่ได้เกิดจากหม้อน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น ระบบระบายอากาศ การเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์ ระบบจุดระเบิดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ หรือชุดควบคุมทำงานผิดพลาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการใช้งานและผู้อยู่อาศัยในอาคารได้

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ (Generator radiator) หรือควรซ่อมและล้างทำความสะอาดก่อนดี ?

ปัจจัยในการพิจารณาเมื่อจะทำความสะอาดหม้อน้ำ

การทำความสะอาดหม้อน้ำเหมาะสำหรับหม้อน้ำที่ยังอยู่ในสภาพดีและไม่ได้เสียหายรุนแรง การเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่เหมาะสำหรับหม้อน้ำที่มีความเสียหายรุนแรงหรือมีอายุการใช้งานนานมากแล้วอาจคุ้มค่ากว่าการซ่อม ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญเพื่อพิจารณาต่อไปนี้

  1. ระดับความเสียหายของหม้อน้ำเดิม
  • ซ่อมได้:
    • มีรอยรั่วเล็ก ๆ เฉพาะจุด
    • มีคราบตะกรันหรือตันเล็กน้อย สามารถล้างได้
    • โครงสร้างโดยรวมยังแข็งแรง
  • ควรเปลี่ยนใหม่:
    • แผงหม้อน้ำผุ กัดกร่อนหลายจุด
    • ครีบระบายความร้อนบิดงอหรือหลุดจำนวนมาก
    • มีรอยรั่วมากจนไม่คุ้มค่าซ่อม
    • มีคราบสนิมปะปนมากับน้ำยาหล่อเย็น เป็นสัญญาณว่าภายในหม้อน้ำอาจมีสนิม
  1. อายุการใช้งานของหม้อน้ำ
  • หากหม้อน้ำใช้งานมา มากกว่า 5-7 ปี โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมร้อนหรือมีฝุ่นมาก ควรพิจารณา เปลี่ยนใหม่ แทนการซ่อม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นบานปลาย
  • หากเพิ่งใช้งานไม่นาน และมีปัญหาเล็กน้อยอาจเลือก ซ่อมหรือทำความสะอาด แทน
  1. ต้นทุนและความคุ้มค่า
  • ซ่อม จะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในระยะสั้นเหมาะกับกรณีงบประมาณจำกัด หรือเครื่องไม่ได้ใช้งานหนัก
  • เปลี่ยนใหม่ อาจดูแพงกว่า แต่คุ้มกว่าในระยะยาวลดความเสี่ยงเครื่องเสียกลางงาน ไม่ต้องซ่อมบ่อย ไม่สะดุดเวลาใช้งาน
  1. ประวัติการซ่อมซ้ำ / ปัญหาเดิมเกิดซ้ำ
  • หากหม้อน้ำเคยซ่อมมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังมีปัญหาเดิมเกิดซ้ำควรพิจารณา เปลี่ยนใหม่ทันที
  • หากเพิ่งเจอปัญหาเป็นครั้งแรก อาจยัง ซ่อมหรือบำรุงรักษาได้
  1. อะไหล่และเวลาซ่อมที่ใช้
  • หากสามารถหาหม้อน้ำรุ่นตรงรุ่นได้ง่ายเปลี่ยนใหม่เร็วกว่า
  • หากต้องรออะไหล่หรือหม้อน้ำรุ่นพิเศษอาจจำเป็นต้องซ่อมหรือทำความสะอาดไว้ก่อน

การแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาความเสียหายของหม้อน้ำหล่อเย็น ควรเริ่มจากการบำรุงรักษาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ และการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า รวมถึงเรียกใช้บริการวิศวกรผู้มีประสบการณ์ดูแลเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ครบวงจร

👨🏻‍🔧  Engineering 1986 ดำเนินงาน ด้วยทีมงานวิศวกรมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญงานซ่อมบำรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ทางเราพร้อมแนะนำ การแก้ปัญหาอย่างตรงจุด ถูกต้อง รวดเร็ว และชุดอะไหล่อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับระบบของลูกค้า รวมถึงมีรับประกันงานซ่อมและติดตั้งเปลี่ยนหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Radiator Generator) ที่ได้มาตรฐาน ดำเนินงานโดยได้รับการรับรองและมีใบอนุญาตจากสภาวิศวกร พร้อมดูแลลูกค้าบริการ Hotline 24 ชั่วโมง ตลอดอายุสัญญา

🔹ให้บริการติดตั้ง ซ่อม หรือเปลี่ยนหม้อน้ำเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Radiator Generator) ตรงรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Cummins, Perkins, Mitsubishi , Caterpillars สามารถเขียนแบบ สั่งผลิต ให้เหมาะสมกับระบบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้หลากหลายรุ่น

 🔹วิเคราะห์ปัญหาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าความร้อนสูงอย่างครบวงจร ด้วยการ Thermal scan ด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อนคุณภาพสูง เพื่อวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด ลดความเสี่ยงที่จะเกิดเครื่อง Breakdown

🔹บริการตรวจสอบและซ่อมบำรุงประจำปี Preventive Maintenance / Performance test  / Annual Maintenance ตรวจสอบ อุปกรณ์และปัญหาอย่างละเอียดทั้งระบบการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เปลี่ยนระบบกรองและของเหลว เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำยาหล่อเย็น

🔹การตรวจสอบความร้อนภายใต้ภาวะที่มีการใช้งานหรือ Load test หรือการใช้งานภายใต้ภาวะจำลองโดยใช้ Load bank ภายใต้พิกัดกำลัง (Power rating) ที่เหมาะสม ตาม Step Load test

🔹บริการ Training Free ให้กับทีมงานช่างผู้ดูแลอาคาร วิธีดูแลอุปกรณ์หน้างาน ให้ลูกค้าเข้าใจปัญหาและแก้ไขได้เองเบื้องต้น อีกทั้งพร้อมรับสายซ่อมบำรุงฉุกเฉิน Hotline 24 ชั่วโมง

🔹 มี QR CODE สติ๊กเกอร์หน้าเครื่อง สามารถตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงได้จากมือถือ หมดปัญหาด้านเอกสาร พร้อมทุกเมื่อสำหรับงาน Audit

👨🏻‍🔧 ดูแลเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา เลือกใช้บริการ Engineering 1986